ลูกทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า เพิ่งคว้าแชมป์สโมสรโลกเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้ถูกจับตามองว่าอาจก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงถ้วยยุโรปได้เช่นกัน ซึ่งเจมส์ก็แสดงความมั่นใจว่า เชลซีจะสู้กับใครก็ได้

“ผมไม่สงสัยเลยในศักยภาพของทีม เราจะเดินหน้าไปทีละเกมและคอยดูว่าเมื่อสิ้นฤดูกาลเราจะไปถึงตรงไหน” เจมส์กล่าว

ย้อนความหลังเมื่อปี 2020 เชลซีเคยพ่ายบาเยิร์นแบบหมดรูปด้วยสกอร์รวม 7-1 เจมส์ยอมรับว่าประสบการณ์เลวร้ายวันนั้นเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้ตนเองและทีมเติบโตขึ้น

นอกจากนี้ เจมส์ยังกลายเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่ยังเหลือจากชุดแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ปี 2021 หลังจากที่ เบน ชิลเวลล์ ย้ายไปสตราส์บูร์กเมื่อเดือนที่ผ่านมา เขากล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงมากมายในสโมสรไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป เพราะฤดูกาลก่อนเชลซีก็ยังคว้าสองแชมป์ได้สำเร็จ

อีกหนึ่งประเด็นร้อนคือการที่ นิโกลาส แจ็กสัน ถูกปล่อยยืมให้บาเยิร์น และจะสามารถลงดวลต้นสังกัดที่แท้จริงได้

“ผมไม่คิดว่าเขาจะย้าย แต่เขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม สโมสรกับตัวนักเตะอาจต้องการหาทางออกบางอย่าง” เจมส์ให้ความเห็น

ขณะที่มาเรสก้าเชื่อว่า แจ็กสันอาจมอบข้อมูลบางอย่างให้ วินเซนต์ กอมปานี กุนซือเสือใต้ได้

“เขาอยู่กับเราตลอดหนึ่งฤดูกาล แน่นอนว่าเขารู้วิธีการเล่นและการเตรียมทีมของเรา แต่ผมไม่เห็นว่าเป็นปัญหาใหญ่” กุนซือเชลซีกล่าว

นอกจากนี้ มาเรสก้ายังยืนยันว่าไม่มีปัญหาส่วนตัวกับแจ็กสัน และหวังว่า โคล พาล์เมอร์ จะฟิตทันคืนสนามหลังเจ็บโคนขาหนีบ

ศึกใหญ่ที่อัลลิอันซ์ อารีน่าจึงไม่ใช่แค่การเจอกันของสองทีมยักษ์ใหญ่ แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญของเชลซีและโค้ชใหม่ที่กำลังสร้างทีมสายเลือดสดเพื่อลุ้นความสำเร็จบนเวทียุโรปอีกครั้ง